Sphinx

นอกจากสฟิงซ์ในตำนานแล้วก็ยังมีสฟิงซ์ที่รู้จักกันดี ก็คือสฟิงซ์ของอียิปต์ อาศัยอยู่บนทรายสีเหลืองนุ่ม ของที่ราบสูง แห่งกิซา เป็นสิ่งก่อสร้าง ขนาดมหึมา ซึ่งเรารู้จักกันดี... สฟิงซ์ สัตว์ลูกครึ่ง ที่ทอดร่าง หันหน้าสู่ทิศตะวันออก และหมอบเฝ้า มหาพีระมิด มานับพันปี!! คงนึกภาพ ตัวสฟิงซ์ออกน่ะ เจ้าสัตว์ที่เกิดจาก การรวมตัว อันแปลก ประหลาด ระหว่างมนุษย์กับสิงโต ส่วนหัวที่เหมือนมนุษย์นั้น มีสัญลักษณ์ ของฟาโรห์อียิปต์ แสดงไว้ชัดเจน คือมีเคราที่คาง ตรงหน้าผาก มีงูจงอางแผ่แม่เบี้ย และมีเครื่องประดับ รัดเกล้าแบบกษัตริย์โดยรอบ ความกว้างของใบหน้านั้น ประมาณ 14 ฟุต ส่วนลำตัวที่เป็นสิงโต มีความยาวเกินกว่า 240 ฟุต (วัดจากหัวถึงหาง) ขนาดของมัน มโหฬาร จนคนที่เดินผ่าน เหลือตัวนิดเดียวว่ากันว่า สฟิงซ์ คือ รูปเหมือนขนาดใหญ่ กว่าร่างจริง สองเท่าของฮาร์มาชิส เทพแห่งรุ่งอรุณ เมื่อตอนที่แปลงร่าง เป็นสิงโต มีเศียร เป็นฟาโรห์อียิปต์หรือ "sphingein แปลว่า การบีบรัด เพราะสฟิงซ์ของชาวกรีก เป็นสฟิงซ์ที่นิสัยไม่ดี ชอบหยอกเล่นกับเหยื่อ พอมีเหยื่อหลงเข้ามา ก็จะถาม
คำถาม และถ้าตอบไม่ถูก จะฆ่าทิ้งส่วนหน้าที่ ของสฟิงซ์แห่งกิซา นอกจากเฝ้าพีระมิดแล้ว เบื้องหลังและทุกด้าน ของรูปปั้นอมนุษย์นี้ ยังมีพื้นที่ที่เรียกว่า "นครมรณะ" รายรอบอยู่ นครมรณะกินอาณา บริเวณ คลอบคลุมผืนทรายทางใต้ ทางตะวันตก และเหนือของสฟิงซ์ หลุมแล้วหลุมเล่า ต่างถูกขุดเจาะเป็นโพรง เพื่อใส่โลงหิน ที่บรรจุร่างของพระราชวงศ์ ขุนนาง และนักบวช ชั้นสูง ซึ่งผ่านกรรมวิธี การทำมัมมี่มาแล้ว โดยที่สฟิงซ์ จะคอยขจัดวิญญาณชั่วร้าย ให้พ้นจากหลุมศพเหล่านั้น... อือ... แล้วเจ้าสฟิงซ์นี้ มีอายุเท่าไร ถ้านับตาม ลำดับญาติแบบเรา ๆ ก็คงเป็นปู่ทวด ของปู่ทวด ของปู่ทวดของ ปู่ทวดๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ....สรุปเรียก "คุณปู่ (10 ยกกำลัง 3) เพราะจากการคำนวณ อายุหินที่ใช้สร้าง โดยใช้คาร์บอน14 ปรากฏว่า สฟิงซ์มีอายุ เกือบหมื่นปี แต่ว่าประวัติศาสตร์ ชนชาติอียิปต์ เพิ่งเริ่มเมื่อสี่พันกว่าปีก่อนเอง แล้วสฟิงซ์ จะอายุเป็นหมื่น ได้อย่างไร บรรดานักวิชาการ จึงออกมาโต้คารมกันยกใหญ่ บางกลุ่มก็บอกว่า สฟิงซ์ ... ต้องสร้างในสมัย ฟาโรห์คาฟเร (เจ้าของพีระมิดองค์กลาง) เพราะ ใบหน้าของสฟิงซ์นั้น เหมือนพระพักตร์ ของฟาโรห์ คาฟเรมาก และสาเหตุที่มี การแกะสลัก ให้คล้ายกับ พระพักตร์ของ ฟาโรห์คาฟเร อาจเป็นเพราะ พระองค์ได้สมมุติตัวเอง โดยแสดงเจตนาว่า ตัวสฟิงซ์นั้น แทนพระองค์ ซึ่งเป็นเทพเจ้า แห่งดวงอาทิตย์ แต่ฝ่ายวิเคราะห์ การผุกร่อนของหิน ก็โต้ว่า การผุกร่อนนั้น เกิดจากน้ำมากกว่าที่จะเป็น ลมและทราย ตามที่เข้าใจ เป็นไปได้ว่า ก่อนที่ทรายจะเข้าปกคลุมบริเวณนี้ เคยเป็นดินแดน ที่ฝนตกชุกมาก่อน เลยตั้งสมมุติฐานว่า พอมีความชุ่มชื่น คนโบราณจึงเข้ามาอาศัย แล้วสร้างอนุสรณ์ แห่งความรุ่งเรืองเอาไว้ ก่อนที่จะล่มสลายไป จากนั้นบรรพบุรุษ ของชาวอียิปต์ ก็เข้ามาอาศัยแทนที่ และครอบครอง ซากอารยธรรมอันนี้ ไว้แบบเดียวกับ ชาวเผ่าอินคา หลังจากถกเถียงกัน จนคอแห้ง ต่างก็ยอมยุติ สงครามน้ำลายลง เพราะไม่ว่าฝ่ายไหน ก็หาหลักฐานมายืนยัน ความคิดของตนเองไม่ได้ เนื่องจากคนโบราณ ไม่ได้จารึกถึงวิธี และเวลา ในการสร้างสฟิงซ์ เอาไว้เลย แล้วความลับในเรื่อง อายุของสฟิงซ์ ก็ยังคงเป็น ความลับต่อไป อ้อ.. รู้ไหม ทำไมสฟิงซ์จมูกถึงบี้? สาเหตุที่จมูกของสฟิงซ์ แหว่งหายไป เป็นเพราะถูกเอาเป็นเป้า ไว้ซ้อมยิงปืน ของชาวอาหรับ ก็สมัยนั้น เขากำลังเห่อปืน... อาวุธรุ่นใหม่ ที่เพิ่งออกมา แต่พอซื้อมาแล้ว ก็หาที่ซ้อมเจ๋ง ๆ ไม่ได้ เลยหันมาเอาสฟิงซ์ เป็นที่ฝึกซ้อม เพราะนอกจาก จะเป็นเป้านิ่งแล้ว ขนาดที่ใหญ่ ยังเหมาะกับมือสมัครเล่น เป็นที่สุด จวบจนทุกวันนี้ สฟิงซ์ก็ยังคงทำหน้าที่ เฝ้านครแห่งความตาย และเหล่ามหาพีระมิด ทั้ง 3 องค์ โดยไม่ขยับเขยื้อนไปไหน แม้แต่น้อย ดวงตาหินของมัน ทอดมองสรรพสิ่ง ที่เปลี่ยนไป ตามกาลเวลา โดยไม่ปริปาก เล่าถึงความลับในอดีต ให้ผู้ใดล่วงรู้... ทิ้งไว้เพียงปริศนา และความลี้ลับ รอให้เหล่ามนุษย์ ผู้มากด้วยความสามารถมาไข...