|
 |
|
 |
 |
|
 |
เราลองมาคิดกันอย่างมีเหตุและผลดู เอาเป็นว่าลองลดขนาดปีกของมังกรลงมาเหลือยาวราวสัก
6 เมตร ซึ่งหมายความว่าจากปลายปีกอีกด้านถึงด้านจะยาว 12
เมตร(ก็ยังคงตัวมหึมาอยู่) ตามหลักกลศาสตร์มันก็ยังคงบินไม่ขึ้นนั่นแหละ
เพราะพื้นที่ของปีกหรือแรงยกที่จะทำได้ จะเพิ่มในลักษณะของกำลังสองในขณะที่มวลเพิ่มในลักษณะของกำลังสาม
ขนาดยิ่งเล็กลงโอกาสที่จะบินได้ก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น ถึงแม้ว่าเราจะสมมุติให้มังกรมีปีกที่มีประสิทธิภาพที่สุดในบรรดาสัตว์ที่เรารู้จักกัน
ปีกของมันก็ยังจะทรงพลังจนเหลือเชื่ออยู่ดี เอ๊ะ แบบนี้ก็เหลือทางเดียวสิ
ที่มังกรจะบินขึ้นสู่ท้องฟ้าได้โดยไม่อาศัยพลังปีก ทางเดียวที่ว่านั้นก็คือ
มังกรมีน้ำหนักหรือมวลที่น้อยมากไง... ทีนี้ปัญหาของ "ปีกมังกร
ที่ถกกันก็คงหมดไปได้ เรารู้แล้วว่ามังกรไม่ได้ใช้ปีกในการพยุงร่างอันมหึมาของมันขึ้นสู่บนอากาศ
หากแต่ใช้เพื่อบังคับทิศทางและใช้เป็นเกราะเพื่อป้องกันตนเอง
และถ้ามองมังกรอย่างเผินๆเวลาอยู่บนพื้นเราก็อาจไม่เห็นปีกของมัน
ทำนองเดียวกับสัตว์จำพวกแมลงเต่าทองเวลาหุบปีกนั่น |
|
|
 |
|
 |
 |
เอง แล้วไฟของมังกรล่ะ? มีปัญหาเหลือเกินว่าทำไมมังกรจึงมักพ่นไฟเป็นเปลวอยู่ในช่วงสั้นๆของจมูกมันเท่านั้นเอง
ทำไมจึงไม่พ่นออกมาเป็นเปลวเพลิงเหมือนก็อดซิลล่า คำตอบก็อยู่ที่พฤติกรรมของพวกมังกรล่ะ
อย่างที่ขาเกมส์ RPG รู้กันว่ามังกรมักจะอยู่ในถ้ำ มันจึงจำเป็นต้องมีการควบคุมปริมาณอากาศจากกระบวนการทาง
ชีววิทยาของมัน แน่ล่ะว่าขีดจำกัดในการควบคุมย่อมต้องมีแน่นอน
และน้องๆนักศึกษาที่เรียนเคมีกับชีววิทยากันมาแล้วก็คงจะตอบได้ดีว่า
กระบวนการดังกล่าวของเจ้ามังกรนั้นก็คือกระบวนการสันดาปก๊าซ"ไฮโดรเยนกับออกซิเยนนั่นเอง
เอ... แล้วไฮโดรเยนพวกนี้มันมาจากไหนกันนะ กลไกทางธรรมชาติมากมายมักสร้างที่ไปที่มาที่พวกเราคาดไม่ถึงกันอยู่เสมอๆ
ลองนึกตัวอย่างของปลาไหลไฟฟ้าที่มีเซลที่สามารถประจุไฟฟ้าได้ปริมาณมหาศาล
เจ้ามังกรก็อาจมีอวัยวะบางชนิดที่สามารถแยก ไฮโดรเยนออกจากสารอาหารหรือน้ำด้วยวิธีทางชีวเคมี
และทำให้มันรวมกับออกซิเยนในตอนมันหายใจก็เป็นได้ ไม่ว่า
กระบวนการดังกล่าวจะเป็นยังไงก็ตาม(ก็ไม่รู้นี่นา...) มันทำให้มังกรหายใจเป็นเปลวเพลิงได้เพราะมันจำเป็นต้องทำแบบนั้น
เปลวเพลิงใช้ประโยชน์ได้มากมาย เช่นใช้พ่นเป็นอาวุธ ใช้ดึงดูดเพศตรงข้ามทำนองเดียวกับแพนหางของนกยูง
แถมยังช่วยในการบินซึ่งจะขออธิบายในตอนหลัง ว่ากันง่ายๆก็คือตราบใดที่ตัวมังกรยังมีไฮโดรเยนมากพอ
มันก็สามารถอยู่ในถ้ำ และพ่นไฟได้อย่างสนุกสนานสบายมาก และคงเป็นเพราะในถ้ำนั้นมืดมังกรก็เลยต้องพ่นลมหายใจเป็นไฟเพื่อ
ส่องสว่างด้วยล่ะมั้ง ก็อย่างที่กล่าวไว้ในตำนานนั่นล่ะ
พวกวีรบุรุษต่างๆมักจะเข้าไปในถ้ำที่มีเปลวและควันไฟพวยพุ่งออกมา
เจออาการนี้เมื่อไหร่ก็อนุมานได้เลยว่า ในนั้นต้องมีมังกรอาศัยอยู่ภายในอย่างแน่นอน
ไฟคือสัญลักษณ์ที่แท้จริงของมังกร เพราะไม่ว่าชีวิตจะวิวัฒนาการไปในรูปแบบใด
ธรรมชาติก็มีเหตุผลมารองรับการวิวัฒน์นั้นๆเสมอ ได้กล่าวมาแล้วว่า
การที่มังกรสามารถบินได้นั้นเพราะมันสามารถทำตัวให้เบากว่าอากาศได้
ดังนั้นมันจึงต้องการที่ว่าง ขนาดใหญ่มากจนเกือบจะเท่าตัวมันทั้งหมด
เพื่อที่จะบรรจุก๊าซที่เบากว่าอากาศเอาไว้ ซึ่งจะทำให้เกิดแรงพยุงตัวแบบเรือเหาะ
ว่ากันถึงก๊าซที่เบากว่าอากาศนักเรียนเคมีอาจจะตอบได้ว่าฮีเลียมน่าจะเหมาะที่สุด
ทว่าในความเป็นจริงนะ ฮีเลียมมีปริมาณตามธรรมชาติน้อยมาก
แถมแทบจะไม่มีบทบาทใดๆต่อสิ่งมีชีวิตเลย ไฮโดรเยนจึงนับว่าเหมาะที่สุดซึ่งนอกจาก
จะมีปริมาณตามธรรมชาติมากแล้ว มันยังเบาและลุกไหม้อย่างรุนแรงได้เมื่อรวมกับออกซิเยน
สารประกอบบางรูป ของมันมีอยู่ทั่วไปในระบบย่อยอาหารของสัตว์แม้แต่มนุษย์
ร้องอ๋อกันแล้วล่ะสิ กรดไฮโดรคลอริกนั่นเอง ปฏิกิริยาชีวเคมีนี้จะต้องมีขั้นตอนอันสลับซับซ้อนมากมาย
ตลอดจนสารประกอบอีกหลายอย่างที่จะนำมาสู่กระบวนการสันดาปของมังกร
นี่ล่ะมั้ง ที่ทำให้ลมหายใจของมังกรมีกลิ่นเหม็นและฉุนเฉียว
|
|
|
 |
|
|
|
|
|
 |
Home
| Monster | Special
| Picture | Contact
Us
Coryright 2002.© All right reserved by JAAN
Contact WebMaster |